วันอาทิตย์ที่ 22 กรกฎาคม พ.ศ. 2561

ลูกยอ สรรพคุณและประโยชน์ของน้ำลูกยอ 96 ข้อ !

ลูกยอ สรรพคุณและประโยชน์ของน้ำลูกยอ 96 ข้อ !

ลูกยอ


ลูกยอ


ยอ ชื่อสามัญ Great morinda, Tahitian noni, Indian mulberry, Beach mulberry หรือจะเรียกตามแหล่งที่ปลูกหรือภาษา เช่น Noni (จากฮาวาย), Meng kudu (มาเลเซีย), Ach (ฮินดู)

ยอ ชื่อวิทยาศาสตร์ Morinda citrifolia L. จัดอยู่ในวงศ์เข็ม (RUBIACEAE)

สมุนไพรยอ มีชื่อท้องถิ่นอื่น ๆ ว่า ยอ แย่ใหญ่ (แม่ฮ่องสอน), ตาเสือ มะตาเสือ (ภาคเหนือ), ยอบ้าน (ภาคกลาง) เป็นต้น

ต้นยอเป็นพืชพื้นเมืองในแถบโพลีนีเซียตอนใต้ (Polynesia) และแพร่กระจายไปยังประเทศอื่น ๆ โดยมีอยู่ด้วยกัน 2 ชนิด คือ ยอบ้านและยอป่า ที่เราพบเห็นกันบ่อย ๆ ก็คือยอบ้าน ยอเป็นไม้ยืนต้น มีใบสีเขียว มีดอกออกเป็นช่อที่ซอกใบ ลักษณะของผลยาวรี ผลอ่อนมีสีเขียว เมื่อสุกจะเป็นสีขาวนวล มีเนื้อนุ่ม ในผลมีเมล็ดจำนวนมาก มีสีน้ำตาล สำหรับรสชาติจะออกรสเผ็ดและมีกลิ่นแรง

ลูกยอจัดเป็นยาสมุนไพรที่ใช้กันอย่างแพร่หลายในเรื่องการช่วยแก้อาการคลื่นไส้อาเจียน และถูกบรรจุอยู่ในยาสมุนไพรในงานสาธารณสุขมูลฐาน โดยลูกยอสุกเป็นยาชั้นเลิศในการช่วยขับลมและช่วยย่อยอาหาร แต่สำหรับหญิงที่ตั้งครรภ์ไม่ควรรับประทานผลยอ เพราะจะมีผลโดยตรงต่อระบบการหมุนเวียนของเลือดในครรภ์ และอาจทำให้แท้งบุตรได้ !

ลูกยอ อุดมไปด้วยวิตามินและแร่ธาตุที่มีประโยชน์ต่อร่างกายหลากชนิด โดยลูกยอบดจะประกอบไปด้วยคาร์โบไฮเดรต เส้นใยอาหาร วิตามินเอ วิตามินซี วิตามินบี 3 ธาตุแคลเซียม ธาตุเหล็ก ธาตุโพแทสเซียม ธาตุโซเดียม เป็นต้น แต่ถ้าคั้นเอาแต่น้ำลูกยอจะเหลือแต่วิตามินซี นอกจากนี้ลูกยอยังมีสารอื่น ๆ อีกด้วย เช่น กรดไขมัน ลิกนิน พอลิแซ็กคาไรด์ ฟลาโอนอยด์ อีริดอยด์ สโครโปเลติน แอลคาลอยด์ (แต่ยังไม่เพียงพอที่จะสรุปได้ว่ามีประโยชน์ต่อร่างกายจริง ๆ)

ลูกยอสรรพคุณของลูกยอประโยชน์ของลูกยอ
ประโยชน์น้ำลูกยอประโยชน์ของน้ำลูกยอ

สรรพคุณของลูกยอ


  1. ลูกยอเป็นแหล่งของแคลเซียมและยังมีสารต่อต้านอนุมูลอิสระสูง
  2. ช่วยในการชะลอวัยและความเสื่อมของเซลล์ต่าง ๆ ในร่างกาย
  3. ช่วยบำรุงผิวพรรณ หนังศีรษะและผม
  4. ช่วยป้องกันโรคภูมิแพ้ (น้ําลูกยอ)
  5. สารสโคโปเลติน (Scopoletin) ในน้ำลูกยอมีฤทธิ์ในการขยายหลอดเลือดที่หดตัว ทำให้ความดันโลหิตลดลงจนเป็นปกติ (ลูกยอ, น้ําลูกยอ)
  6. มีส่วนช่วยรักษาโรคเบาหวาน (น้ำสกัดจากใบยอ)
  7. ช่วยรักษาโรคความดันโลหิตสูง (น้ำสกัดจากลำต้นยอ, น้ำสกัดจากใบยอ)
  8. ช่วยรักษาโรคกรดไหลย้อน ด้วยการทำเป็นเครื่องดื่ม ใช้คู่กับหัวหญ้าแห้วหมู อย่างแรกให้เลือกลูกยอห่าม นำมาหั่นเป็นแว่น ๆ ไม่บางหรือหนาจนเกินไป แล้วนำไปย่างไฟอ่อน ๆ (ปกติลูกยอจะมีกลิ่นเหม็น) โดยย่างให้เหลืองกรอบและย่างจนหมดกลิ่นเหม็นจริง ๆ จึงจะได้ตัวยาที่หอมน่ารับประทาน (การย่างจะนอกจากจะช่วยดับกลิ่นแล้วยังช่วยเพิ่มความเป็นด่างให้กับตัวยาด้วย จึงช่วยซับกรดและลดกรดได้อย่างมีประสิทธิภาพ) สำหรับหญ้าแห้วหมูให้เอาส่วนหัวใต้ดินที่เราเรียกว่าหัวแห้วหมู นำไปคั่วให้เหลืองและมีกลิ่นหอม เมื่อเสร็จแล้วให้ตั้งไฟต้มน้ำจนเดือดแล้วเอาตัวยาทั้งสองชนิดลงไปต้มพร้อมกัน ใส่น้ำตาลกรวดพอหวาน ทิ้งไว้สักพักแล้วยกลงจากเตา ตัวยาที่ได้นี้จะมีกลิ่นหอม รอจนอุ่นแล้วนำมารับประทาน ส่วนที่เหลือให้กรองเอาแต่น้ำแช่ไว้ในตู้เย็นแล้วค่อยอุ่นรับประทาน ให้ดื่มติดต่อกัน 1 สัปดาห์แล้วสังเกตอาการ
  9. ช่วยแก้วัณโรค ด้วยการใช้ผลหรือใบทำเป็นยาพอก (ลูกยอ, ใบยอ)
  10. ลูกยอมีสารโปรซีโรนีน (Proxeronine) เมื่อรวมตัวกับเอนไซม์โปรซีโรเนส (Proxeronase) จะได้สารซีโรนีน (Xeronine) ที่ลำไส้ใหญ่ เมื่อดูดซึมกลับสู่เซลล์ต่าง ๆ ในร่างกาย จะช่วยปรับสภาพเซลล์ให้มีความสมดุลและแข็งแรง และช่วยเสริมสร้างภูมิต้านทานได้เป็นอย่างดี
  1. ใช้บำบัดและรักษาโรคมะเร็ง (แพทย์ทางเลือกสมัยใหม่)
  2. ใช้รักษาโรคเกี่ยวกับสมอง (แพทย์ทางเลือกสมัยใหม่)
  3. ใช้รักษาโรคติดสุราหรือยาเสพติด (แพทย์ทางเลือกสมัยใหม่)
  4. ใช้ลดอาการแพ้ (แพทย์ทางเลือกสมัยใหม่)
  5. ใช้รักษาโรคหอบหืด (แพทย์ทางเลือกสมัยใหม่)
  6. ใช้รักษาโรคเบาหวาน (แพทย์ทางเลือกสมัยใหม่)
  7. ใช้รักษาโรคเส้นเลือดหล่อเลี้ยงหัวใจ (แพทย์ทางเลือกสมัยใหม่)
  8. ใช้รักษาโรคอ่อนเพลียเรื้อรัง (แพทย์ทางเลือกสมัยใหม่)
  9. ใช้รักษาโรคเกี่ยวกับทางเดินอาหารต่าง ๆ (แพทย์ทางเลือกสมัยใหม่)
  10. ใช้รักษาโรคเซลล์เจริญเติบโตนอกมดลูก (Endometriosis) (แพทย์ทางเลือกสมัยใหม่)
  11. ใช้รักษาโรคภูมิคุ้มกันต่ำ (แพทย์ทางเลือกสมัยใหม่)
  12. ใช้รักษาโรคความดันโลหิตสูง (แพทย์ทางเลือกสมัยใหม่)
  13. ใช้รักษาโรคเส้นโลหิตตีบ (แพทย์ทางเลือกสมัยใหม่)
  14. ใช้รักษาโรคโปลิโอ (แพทย์ทางเลือกสมัยใหม่)
  15. ใช้รักษาไซนัส (แพทย์ทางเลือกสมัยใหม่)
  16. ช่วยลดปริมาณสารพิษในร่างกาย ทำให้ร่างกายทำงานได้เป็นปกติ เซลล์ในร่างกายอ่อนเยาว์ลง
  17. ช่วยซ่อมแซมและยับยั้งการเจริญเติบโตของเซลล์ที่ผิดปกติ
  18. ช่วยยับยั้งการเจริญเติบโตของเซลล์มะเร็งและเนื้องอก
  19. ช่วยกระตุ้นให้เซลล์ใหม่ในร่างกายเจริญเติบโตและทำหน้าที่ได้อย่างเป็นปกติ
  20. ช่วยแก้กระษัย (ใบยอ, รากยอ)
  21. ลูกยอมีฤทธิ์เป็นยากล่อมประสาทแบบอ่อน ๆ ช่วยผ่อนคลายความเครียดได้
  22. ช่วยบำรุงธาตุไฟ (ลูกยอสด)
  23. ช่วยให้เจริญอาหาร (ลูกยอ)
  24. ช่วยแก้อาการเบื่ออาหาร (น้ำสกัดจากใบยอ)
  25. ช่วยทำให้ระบบโลหิตหมุนเวียนดีขึ้น (ลูกยอสด)
  26. ช่วยบำรุงสมอง ช่วยเสริมสร้างความจำ ทำให้มีสมาธิดีขึ้น
  27. มีฤทธิ์กล่อมประสาท มีส่วนช่วยทำให้นอนหลับง่ายขึ้น
  28. ผลยอใช้ทำเป็นยาพอกแก้หัวสิว
  29. ใบยอมีวิตามินเอสูงจึงช่วยบำรุงและรักษาสายตา แก้อาการตาบอดตอนกลางคืนได้ (ใบยอ)
  30. ใช้รักษากุ้งยิง (ไอระเหยจากลูกยอ, ดอกยอ)
  31. ช่วยรักษาโรคมาลาเรีย (ใบยอ)
  32. ช่วยแก้ไข้ (ลูกยอสุก)
  33. ช่วยรักษาอาการปวดศีรษะ (ใบสด)
  34. ช่วยบรรเทาอาการวิงเวียนศีรษะ (ลูกยอสด)
  35. ช่วยแก้เหงือกเปื่อยเป็นขุยบวม (ลูกยอโตเต็มที่แต่ไม่สุก)
  36. ใช้รักษาอาการเจ็บหรือแผลตกสะเก็ดรอบปาก หรือในปาก (ลูกยอดิบ)
  37. ช่วยรักษาอาการปากและเหงือกอักเสบ (ลูกยอสุก)
  38. ช่วยแก้อาการปวดฟัน (ลูกยอสุก)
  39. ลูกยอสุกมีสารแอสเพอรูโลไซด์ (Asperuloside) ช่วยแก้อาการคลื่นไส้อาเจียน (ลูกยอสุก)
  40. ช่วยแก้อาการเจ็บคอ ด้วยการใช้ลูกยอดิบนำไปเผาไฟให้สุกและแช่ในน้ำต้มสุก แล้วรินเอาแต่น้ำดื่มเพื่อบรรเทาอาการ หรือจะใช้ลูกยอสุกบดละเอียดใช้กลั้วคอแก้อาการ (ลูกยอดิบ, สด)
  1. ช่วยแก้เสมหะ ด้วยการใช้ลูกยอดิบนำไปเผาไฟให้สุกและแช่ในน้ำต้มสุก แล้วรินเอาแต่น้ำดื่ม
  2. สารเซโรโทนิน (Serotonin) ในผลยอช่วยกระตุ้นระบบย่อยอาหารให้ทำงานได้อย่างสมบูรณ์ ทำให้ลำไส้ดูดซึมได้ง่าย
  3. ช่วยขับลมในลำไส้ (ลูกยอสด, ลูกยอสุก)
  4. ช่วยในการย่อยอาหาร แก้อาการอาหารไม่ย่อย (ลูกยอสด, ลูกยอสุก)
  5. ช่วยแก้อาการท้องอืด ท้องเฟ้อ จุกเสียดแน่นท้อง (ลูกยอ)
  6. ช่วยระบายท้อง ทำให้ขับถ่ายได้สะดวก (ทุกส่วน)
  7. ช่วยแก้อาการปวดท้อง (น้ำสกัดจากใบยอ)
  8. ใบยอใช้ปรุงเป็นอาหารแก้อาการท้องร่วง (ใบยอ)
  9. ช่วยแก้อาการปวดกระเพาะ (น้ำมันสกัดจากลูกยอ)
  10. ช่วยลดอาการท้องผูกได้
  11. สารแอนทราควิโนน (Anthraquinone) ในลูกยอช่วยกระตุ้นทำให้ลำไส้ใหญ่มีการบีบตัวเพิ่มขึ้น จึงช่วยขับของเสียออกจากร่างกายได้มากขึ้น
  12. ช่วยรักษาอาการระคายเคืองในระบบทางเดินอาหาร
  13. ช่วยรักษาอาการติดเชื้อในระบบทางเดินปัสสาวะ
  14. ช่วยรักษาโรคทางเดินปัสสาวะอักเสบ (น้ำสกัดจากใบยอ)
  15. ใช้รักษาอาการอักเสบ ปวดบวม ปวดในข้อ ปวดกล้ามเนื้อและข้อต่อต่าง ๆ (แพทย์ทางเลือกสมัยใหม่)
  16. ช่วยรักษาโรคเกี่ยวกับตับ
  17. ช่วยรักษาโรคดีซ่าน (เปลือกต้น)
  18. แก้อาการไส้เลื่อน (น้ำสกัดจากใบยอ)
  19. ในลูกยอมีสารแอนทราควิโนน (Anthraquinone) ช่วยขับพยาธิ (ลูกยอแก่)
  20. ช่วยขับประจำเดือน ทำให้ประจำเดือนมาเป็นปกติ (ลูกยอสด)
  21. ชาวพื้นเมืองแถบโพลีนีเซีย (Polynesia) ใช้ผลอ่อน ใบ และราก เพื่อรักษาอาการผิดปกติของประจำเดือน
  22. น้ำคั้นจากรากยอใช้แก้แผลที่มีอาการอักเสบรุนแรง (รากยอ)
  23. ลูกยอสุกนำมาบดใช้ทาผิวเพื่อฆ่าเชื้อโรค
  24. ใช้รักษาบาดแผลและอาการบวม (ลูกยอสุก)
  25. มีการนำไปทำเป็นน้ำมันสกัดจากเมล็ดยอ ใช้ทาเพื่อลดอาการอักเสบ (น้ำมันสกัดจากเมล็ดยอ)
  26. น้ำมันสกัดจากเมล็ดยอช่วยป้องกันแมลง (น้ำมันสกัดจากเมล็ดยอ)
  27. น้ำมันสกัดจากเมล็ดยอใช้ทาช่วยลดการเกิดสิว (น้ำมันสกัดจากเมล็ดยอ)
  28. ผลยอใช้ทำเป็นยาพอกรักษาแผลถลอก (ลูกยอ, ใบยอ)
  29. ผลยอใช้ทำเป็นยาพอกแก้ตุ่ม ฝีฝักบัว
  30. ช่วยรักษาแผลพุพอง (ใบยอสด)
  31. ใบใช้ทำเป็นยาพอกใช้แก้พิษจากการถูกปลาหินต่อย
  32. ใบใช้ทำเป็นยาพอกใช้แก้กระดูกแตก กล้ามเนื้อแพลง (ใบยอ)
  33. ลูกยอบนใช้ทาแก้ส้นเท้าแตก
  34. ผลยอใช้ทำเป็นยาพอกแก้อาการเคล็ดขัดยอก หรือจะใช้ใบยอทำเป็นยาพอกก็ได้ (ลูกยอ, ใบยอ)
  35. น้ำคั้นจากใบยอใช้ทาแก้อาการปวดตามข้อนิ้วมือ นิ้วเท้า (ใบยอ)
  36. น้ำคั้นจากใบยอใช้ทาเมื่อมีอาการปวดเนื่องจากโรคเกาต์ (ใบยอ)
  37. ใบสดมีการนำมาใช้สระผมและกำจัดเหา หรือจะใช้น้ำมันสกัดจากเมล็ดยอก็ได้ (ใบสด, น้ำมันสกัดจากเมล็ดยอ)

ประโยชน์ของลูกยอ



น้ําลูกยอ
น้ําลูกยอ

  1. ลูกยอสุก นำมาจิ้มกินกับเกลือหรือกะปิ
  2. ลูกห่ามใช้ทำส้มตำ
  3. ใบอ่อน นำมาลวกกินกับน้ำพริก ใช้ทำแกงจืด แกงอ่อม ผัดไฟแดง หรือนำมาใช้รองกระทงห่อหมก (เวลากินห่อหมกควรกินใบยอด้วย เพราะมีวิตามินสูง)
  4. นำมาใช้ทำสีย้อมผ้า รากนำมาใช้ย้อมสีให้สีแดงและสีน้ำตาลอ่อน ส่วนเปลือกจะให้สีแดง เนื้อเปลือกจะให้สีเหลืองใช้ย้อมผ้าบาติก
  5. ปัจจุบันมีการนำลูกไปแปรรูปโดยคั้นเป็น น้ําลูกยอ Noni หรือ น้ําลูกยาโนนิ
  6. รากยอมีการนำมาใช้แกะสลัก ทำรงควัตถุสีเหลือง
  7. ใบสดมีการนำมาใช้ทำเป็นอาหารสัตว์ หรือนำมาเลี้ยงตัวหนอนไหม
  8. ลูกยอสุกมีการนำมาใช้ทำเป็นอาหารหมู
  9. มีการนำมาใช้ทำเป็นยารักษาสัตว์ (แพทย์ทางเลือกสมัยใหม่)

หมายเหตุ : ประโยชน์ของลูกยอบางประการข้างต้นยังอยู่ในระดับการศึกษาเริ่มต้นเท่านั้น และยังเร็วเกินไปที่จะสรุปได้ว่ามีประโยชน์ต่อสุขภาพมากน้อยแค่ไหน ซึ่งในทางวิทยาศาสตร์ยังคงต้องรอการพิสูจน์ต่อไป ดังนั้นโปรดใช้วิจารณญาณให้มาก



แหล่งอ้างอิง : หนังสือพิมพ์ไทยโพสต์, หนังสือพิมพ์ASTVผู้จัดการ, สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.), วิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี, www.charpa.co.th/articles/noni.asp   , เว็บไซต์เมดไทย (MedThai)

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

ใบโหระพา สูตร 622

ใบโหระพา สูตร 622 Daream Jutamas ไข่เจียวโหระพากุ้งสับ ใบโหระพา ตามใจชอบ (ทอดไปเดี๋ยวมันก็เหี่ย...